เมืองใต้ดินในตุรกี อารยธรรมโบราณที่ซ่อนอยู่ใต้ภูเขา

ประวัติและการค้นพบ

เมืองใต้ดินในแคว้นคัปปาโดเซีย ประเทศตุรกี เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางโบราณคดีที่น่าทึ่งที่สุดในโลก เมืองเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยฮิตไตต์ ราว 1900-1200 ปีก่อนคริสตกาล โดยการขุดเจาะเข้าไปในชั้นหินภูเขาไฟที่อ่อนนุ่ม เมืองใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดและลึกที่สุดคือเดรินคูยู (Derinkuyu) มีความลึกถึง 85 เมตร ประกอบด้วยชั้นใต้ดิน 8 ชั้น สามารถรองรับผู้คนได้ถึง 20,000 คน

สถาปัตยกรรมและการออกแบบ

การออกแบบเมืองใต้ดินแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของคนโบราณ มีระบบระบายอากาศที่ซับซ้อน บ่อน้ำ โรงเก็บอาหาร ห้องครัว โบสถ์ คอกสัตว์ และที่พักอาศัย ทางเดินถูกออกแบบให้แคบและเป็นรูปตัวแอล เพื่อป้องกันการบุกรุก มีประตูหินกลมขนาดใหญ่ที่สามารถปิดกั้นทางเดินได้จากด้านใน ระบบระบายอากาศถูกออกแบบให้อากาศไหลเวียนได้แม้ในชั้นลึกที่สุด

การใช้งานในประวัติศาสตร์

เมืองใต้ดินถูกใช้เป็นที่หลบภัยในช่วงสงครามและการรุกรานตลอดประวัติศาสตร์ ชาวคริสต์ในยุคแรกใช้เป็นที่ซ่อนตัวจากการกดขี่ของจักรวรรดิโรมัน ต่อมาในยุคไบแซนไทน์และออตโตมัน ก็ถูกใช้เป็นที่หลบภัยจากการรุกรานของกองทัพต่างๆ นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่เก็บเสบียงอาหารและสินค้า เนื่องจากอุณหภูมิใต้ดินที่คงที่เหมาะแก่การถนอมอาหาร

การอนุรักษ์และการท่องเที่ยว

ปัจจุบัน เมืองใต้ดินเหล่านี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของตุรกี โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก มีการอนุรักษ์และบูรณะอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ ขณะเดียวกันก็มีการปรับปรุงระบบแสงสว่าง ทางเดิน และความปลอดภัยเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว นักโบราณคดียังคงค้นพบเมืองใต้ดินแห่งใหม่ในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเรดาร์ใต้ดินและการถ่ายภาพทางอากาศในการสำรวจ  Shutdown123


 

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15

Comments on “เมืองใต้ดินในตุรกี อารยธรรมโบราณที่ซ่อนอยู่ใต้ภูเขา”

Leave a Reply

Gravatar